คุณพ่อคุณแม่ท่องให้ขึ้นใจ: ผักผลไม้ ปลูกฝังได้ง่ายและสนุก
วันนี้ทีมแอดมินมีเคล็ดลับเรื่องการสอนเด็กๆ อย่างไรให้รู้สึกชอบผักผลไม้ มาฝากกันค่ะ ข้อสังเกตนี้ได้มาจากหนังสือนิทานแสนดีชุด ชวนหนูกินผักผลไม้ บอร์ดบุ๊กผักผลไม้สุดน่ารัก สามเล่ม ได้แก่ หนูมะเขือเทศ หนูมันฝรั่ง และหนูถั่วลันเตา เหมาะสำหรับเด็กเล็กๆ มีความเป็นมิตรและยียวนชวนรับประทานมาก! ซึ่งหากบ้านไหนรู้สึกว่ากำลังเผชิญปัญหาลูกๆ ไม่ยอมเปิดใจกับผักผลไม้แล้วล่ะก็ ต้องถูกใจกับตัวช่วยชุดนี้แน่นอน
หนังสือหนูมะเขือเทศ หนูมันฝรั่ง และหนูถั่วลันเตา บอกเราว่า….
1. ลาขาดกับวิธีบังคับขู่เข็ญ ต้องใจเย็นค่อยเป็นค่อยไปนะพ่อแม่
ความกดดันและความคาดหวังในเรื่องการกินของลูกๆ ไม่ใช่เรื่องผิดหรอกค่ะ ไม่ว่าพ่อแม่คนไหนก็อยากให้ลูกทานสิ่งที่ดีมีประโยชน์ แต่ถ้าวิธีที่คุณพ่อคุณแม่ใช้อยู่นั้น ทำให้รู้สึกตึงเครียดทั้งตัวเราและเด็กๆ แล้วล่ะก็ ลองมาปรับเปลี่ยนวิธีการดีไหมคะ นิทานชุดนี้บอกกับพ่อแม่ทุกคนว่าทุกมื้ออาหารของลูกต่อจากนี้ต้องสนุก อร่อย บรรยากาศดี น่าสนใจ และมีสมาธิจดจ่อ ดูตัวละครแต่ละตัวสิคะ เวลาสอนเด็กๆกินผักผลไม้ต้องหน้าตาและท่าทีเป็นแบบนี้เลยนะ
บ้านเราเคยเครียดกับการป้อนข้าวลูก เพราะเราคาดหวังความเพอร์เฟ็คเกินไป ใช้คำพูดที่บังคับ ทั้งขู่ ทั้งมีเงื่อนไขตอนหลังพอจับทางได้ไหวตัวทัน คุณแม่จึงลองผ่อนคลายมากขึ้น ความสบายใจนั้นก็ผ่านลงมาในจานอาหาร ผ่านคำพูด ผ่านบรรยากาศเวลาเข้ามื้ออาหาร ลูกทานก็รับรู้ได้ การกินข้าวจึงไม่เคยเป็นปัญหาอีกต่อไป
วิธีง่ายๆวิธีหนึ่งคือการทำมื้ออาหารให้เป็นมื้อที่ลูกรอคอย อยากมีส่วนร่วมอยู่เสมอ ตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ ลงมือทำ จนถึงการรับประทาน หนึ่งอย่างที่ได้ผลมากๆคือการจัดจานให้น่าสนใจ กระตุ้นสายตา ซึ่งวันไหนเราหมดมุก ก็จะเปิดไอจีของคุณแม่ท่านนี้ดูค่ะ Lee Samantha เพราะจานอาหารของเธอทั้งน่าทานและสารอาหารครบถ้วนสุดๆบ้านไหนสนใจลองเข้าไปหาแรงบันดาลใจได้นะคะ
2. การปลูกฝังทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับผักใบเขียวและผลไม้ เริ่มเร็วได้เท่าไรยิ่งดี เริ่มถูกวิธียิ่งได้ผล
เคยได้ยินไหมคะว่า เราควรเริ่มแนะนำให้เด็กๆ รู้จักกับผักผลไม้ตามอายุพัฒนาการ เริ่มได้ทันทีที่อายุน้องถึงวัย (ปกติเริ่มกันที่ 6-8 เดือนค่ะ) ไม่ต้องรอ และควรเริ่มจากผลไม้รสหวานน้อยๆ ก่อน แต่หลากหลายชนิด เนื่องจากเด็กจะได้มีเวลาปรับลิ้นกับรสธรมชาติ และไม่รู้สึกติดใจกับเฉพาะผักผลไม้ที่มีรสชาติหวานเท่านั้น เช่น มันฝรั่ง ถั่วลันเตา มะเขือเทศ ที่รสไม่หวานจัด ต้มและบดให้เด็กเล็กทานได้ดีเวลาที่เจ้าตัวเล็กเบื่อข้าว ข้อระวังเดียวที่บ้านเรามีคือ ขอข้ามผลไม้ที่มียางหรือเมล็ดเล็กๆ อันเสี่ยงต่อการติดคอลูกไปก่อน รอโตหน่อยค่อยนำเข้ามาสลับสับเปลี่ยนค่ะ
ตรงนี้เป็นภาพพี่มันฝรั่ง และพี่ถั่วลันเตา จากนิทานภาพค่ะ ดูสิ น่ารักน่าหม่ำสุดๆ เด็กญี่ปุ่นก็ทานผักที่มีประโยชน์และไม่หวานเหมือนกันนะ
เด็กๆดูไปก็อดสงสัยไม่ได้ว่า หนูมันฝรั่งจะกลิ้งไปไหนกันนะ
แล้วนั่นหนูมันฝรั่งกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ
ถึงคิวของหนูถั่วลันเตาบ้าง กลิ้ง กระดอนไปไหนกัน
หนูถั่วลันเตาลอยตุ๊บป่องพร้อมสำหรับบางอย่างแล้วจ้ะ
เริ่มทีละเล็กละน้อย แต่บ่อยๆ อาศัยการสร้างความคุ้นเคยให้เค้าทีละเล็กละน้อย บ้านเราจะจัดให้มีผักรวมอยู่ในทุกมื้อ แม้จะน้อย แต่ก็ค่อยๆเสริมไปไม่ให้ขาดค่ะ ถ้าเด็กๆ เห็นผักบ่อยๆ จนชิน ก็จะเริ่มรู้สึกกับผักผลไม้เป็นเรื่องปกตินั่นเอง
เทคนิคสุดท้ายจากหนังสือชุดนี้คือ ความเป็นมิตรในการแนะนำตัวละคร ซึ่งคือผักผลไม้ให้แก่เด็กๆ ค่ะ คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้สื่อการสอนแบบนี้ได้กับน้องๆ ตั้งแต่ยังเล็ก เพราะการสร้างความรู้สึกที่ดี และภาพลักษณ์เชิงบวกของผักและผลไม้ ว่าการกินสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสนุก มีความสุข และเป็นประโยชน์ คือหัวใจสำคัญที่สุดในการเปิดใจรับสิ่งใหม่ที่เค้าไม่คุ้นเคย แล้วการกินผักผลไม้ก็จะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากบนโต๊ะอาหารอีกต่อไปค่ะ
จะเห็นได้ว่าแนวคิดในการปลูกฝังเรื่องนี้ของคนญี่ปุ่นดูแนบเนียนและแยบยลมากๆ เพราะตลอดทั้งเรื่องราวของหนูมะเขือเทศ หนูมันฝรั่ง และหนูถั่วลันเตา จะไม่มีคำว่า กิน หรือท่าทีที่แสดงออกว่าเป็นมื้ออาหารที่เด็กๆทุกคนต้องกินเลย แต่เมื่ออ่านจบ เชื่อไหมคะว่าเด็กแทบทุกคนที่ได้อ่านหนังสือนี้ต่างหยิบหนูมะเขือเทศ หนูมันฝรั่ง และหนูถั่วลันเตา ขึ้นมากินทั้งนั้นเลยล่ะค่ะ อัศจรรย์จริงๆ
สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างนึงคือ ในเนื้อหาจะมีคำและการออกเสียงสั้นๆ น่าสนใจ ตามอากัปกิริยาของตัวละครในเล่ม แถมสีแต่ละตัวก็สดใสซะจนไม่อยากละสายตา ดังนั้นนอกจากจะได้เรื่องการรักผักผลไม้แล้ว ยังเป็นการเสริมพัฒนาการทางภาษาของเด็กๆ อย่างดีอีกด้วย เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยล่ะค่ะ
ในเมื่อเรื่องการกินผักผลไม้ มีวิธีปลูกฝังได้ง่ายๆและสนุกขนาดนี้ เรามาลาขาดจากการบังคับลูกทุกครั้งบนโต๊ะกินข้าว แล้วเปลี่ยนมาเล่าเรื่องผักผลไม้เพื่อจูงใจเด็กๆ อย่างนุ่มนวลกันดีกว่า
หวังว่าเอนทรีนี้จะทำให้ทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆ สนุกกับการผักผลไม้มากขึ้น ลองหามาอ่านให้ลูกฟังกันนะคะ 🙂